หลังจากลูกแข่งดนตรีจบ ทักษะที่ได้เรียนรู้อย่างมากจากครั้งนี้คือการปล่อยวาง (จริง ๆ นึกถึงคำว่า ช่างแ-ง!) คือพอถึงช่วงใกล้จะแข่งแล้วมีหลายอย่างที่อาจจะไม่พร้อม (ช่วงประมาณ 1 สัปดาห์สุดท้าย) ไม่ perfect แต่รู้เลยว่าแก้ไม่ทันแล้ว เช่น ลูกยังจำ dynamic ได้ไม่หมด แม่ก็ยังเล่น pedal ไม่ได้ดังใจ แต่ก็รู้ว่าถ้าพยายามจะ force ให้ได้อาจจะพังมากกว่า เพราะเวลาน้อยแล้ว
.
พอโตขึ้น (หรือแก่ขึ้น?) แล้วรู้สึกว่าความ perfectionist ลดลงไปมาก ทำงานแค่ 100% ไม่ทำเกิน 100% เหมือนเมื่อก่อน ด้วยความที่เวลาเป็น resource ที่ limited สำหรับต่าย หลายครั้งต้องตัดใจ (ปล่อยวาง) เพราะต้องให้เวลากับอย่างอื่นด้วย
.
เวลาคนมาคุยด้วยแล้วรู้สึกว่าเริ่มเกริ่นยาว แล้วต่ายอาจจะไม่ได้มีเวลาฟังมาก ต่ายจะตัดบทแล้วถามว่าที่มาคุยกับต่ายอยากให้ต่ายช่วยอะไร หรือเค้าต้องการอะไร (ถามหา objective เพื่อปัก goal ในการคุย) ซึ่งจะแตกต่างจากเวลาที่สวมหมวกโค้ช เพราะตอนที่เป็นโค้ช ถ้ารู้สึกว่าโค้ชชีเริ่มพูดยาว (โค้ชก็ต้องบริหารเวลาให้ตรงเวลาเช่นกัน) ต่ายจะทวนสรุปประเด็นที่เค้าพูดมาแบบกระชับแล้วพยายาม link กลับเค้าไปที่ goal ที่เรา set กันไว้ตั้งแต่แรก
.
หรืออาจจะเรียกว่า prioritize ชีวิตมีสิ่งต้องทำเยอะ นอกจากเลือกว่าจะทำอะไรแล้วก็ต้องเลือกด้วยว่าจะให้เวลากับสิ่งนั้นเท่าไร เวลาที่ overwhelm ก็จะกลับไปที่ life goal ว่าสิ่งที่ต้องเลือกทำมันตอบโจทย์ life goal หรือไม่ แล้ว prioritize สิ่งที่ไป support life goal ของเราก่อนค่ะ
.
สรุป learning คือ การปล่อยวาง, การปัก goal, prioritization ค่ะ
#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี
Comments