Domestic violence ประกอบไปด้วยทั้ง การทำร้ายร่างกาย และ การทำร้ายจิตใจ
.
การทำร้ายร่างกายสามารถเห็นได้ชัดเจนเพราะมักจะมีบาดแผงร่องรอยปรากฏ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ ต้องช่วยกันสังเกต เช่น คุณครู หรือ คุณหมอ หากสงสัยว่าจะมีการทำร้ายร่างกายเด็กต้องมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
.
ตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิเด็กเป็นข้อตกลงสำคัญที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมกันเพื่อให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้ความคุ้มครองสิทธิเด็ก ครอบคลุมสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มีสิทธิเด็ก 4 ประเภทดังนี้
1.สิทธิที่จะมีชีวิตรอด
2.สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา
3. สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง
4.สิทธิที่จะมีส่วนร่วม
.
สำหรับสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองรวมการล่วงละเมิดและกระทำทารุณกรรมทุกรูปแบบรวมทั้งการใช้แรงงานเด็ก
.
สิ่งที่เรามักจะไม่ระวังคือการทำร้ายจิตใจเด็ก สมัยนี้เราตีเด็กน้อยลงมาก หลาย ๆ โรงเรียนห้ามไม่ให้ลงโทษเด็กด้วยการตี เพราะเป็นการทำร้ายร่างกาย แต่หลายครั้งคำพูดที่ออกมาจากคนรอบตัวเด็กอาจจะทำร้ายเด็กได้ลึกกว่าที่เราคิด
.
ลองถามตัวเองดูนะคะ ว่ามีคำพูดทางลบไหนที่เรายังจำได้ถึงทุกวันนี้แม้ว่าเหตุกาณ์จะเกิดขึ้นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การที่เราเคยโดนดุ การพูดประชดประชัน ส่อเสียด การล้อเลียน หลายครั้งที่คำพูดที่เราพูดไปโดยอารมณ์ พูดไปแล้วเราสบายใจ แต่มันอาจจะไปฝังอยู่ในความทรงจำของใครบางคนโดยที่เราไม่รู้ตัว
.
โค้ชชีที่ต่ายคุยด้วยหลายคนก็มีปมมาจากวัยเด็ก เป็นเพียงคำพูดที่คนรอบตัวเค้า เช่น พ่อแม่ ครู ญาติพี่น้อง พูดกับเค้า แต่เค้าก็จำฝังใจมาจนโต แล้วมันก็ตามมาทำร้ายเค้าอยู่ทุกครั้งที่เค้านึกถึง
.
การทำร้ายจิตใจ เจ็บและยาวนานกว่าการทำร้ายร่างกายมาก เพราะเราเจ็บทุกครั้งที่เรานึกถึง ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนมุมมองกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ มันก็จะฝังอยู่ในใจเราไปตลอด
.
ดังนั้นเวลาเราจะพูดอะไรออกไป โดยเฉพาะเมื่อเรามีอารมณ์โกรธ โมโห ถ้าเรามีสติพอลองใช้ empathy แล้วคิดดูว่าคนที่เค้าจะได้ยินคำพูดนั้นของเรา เค้าจะคิดยังไงนะคะ
Comments