บทความนี้เป็น reflection จากการพาลูกเที่ยวนะคะ ไม่ใช่รีวิวพาเที่ยว
ต่ายพาลูก ๆ ไปเที่ยว Tokyo DisneySea มาค่ะ รอบนี้ลูกโตมาหน่อย เราสามารถอยู่กันได้ทั้งวันตั้งแต่เปิดจนปิด รอบที่แล้วไป Disneyland ที่ Hongkong ลูกยังอยู่อนุบาล ตอนบ่ายต้องกลับมานอนทที่โรงแรมก่อนค่อยกลับไปใหม่ตอนเย็น
.
กิจกรรมการไป Disney Theme Park ภาพที่เราน่าจะเห็นกันก็คือไปเดินอยู่ในสิ่งก่อสร้าง theme fantasy สไตล์ดิสนีย์ มีปราสาท เจ้าหญิง ตัวละคร ไปเล่นเครื่องเล่น ทานอาหารที่จัดอย่างสวยงามเป็นรูปตัวละคนต่าง ๆ สำหรับต่ายนอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วเป็นเวลาของ family bonding ค่ะ
.
การต่อแถวเข้าเครื่องเล่นนึงนี่ใช้เวลามาก ช่วงที่พีค ๆ บางเครื่องนี้รอเป็น 100 นาที บ้านเราก็ไปต่อแถว ที่นานที่สุดนี่ 90 นาที ก่อนไปบอกลูกไปก่อนแล้วว่าเราต้องไปต่อแถวนานมากนะ มีซ้อมต่อแถวเบา ๆ ก่อนไป Disney อื่นมาบ้างแล้ว ตอนไป theme park อื่น ช่วงเวลา 90 นาทีนี้เราทำอะไรกันบ้าง ก็รอค่ะ คุยกันหลายเรื่อง ถ่ายรูปตามรายทาง วางแผนว่าเครื่องเล่นต่อไปจะเล่นอะไรดี จะทานข้าวที่ไหนกันดี ลูกทะเลาะกันบ้าง เวลาเมื่อยมากไม่ไหวแล้วก็นั่งพื้นเลยค่ะ
.
เวลาที่รอแต่ละเครื่องเล่นนี่ รวม ๆ กันก็หลายชั่วโมงอยู่ แอบคิดเหมือนกันว่าถ้ามีคราวหน้า จะเตรียมตัวไปให้ดีกว่านี้ เตรียมกิจกรรม หัวข้อพูดคุยให้เป็นเวลาคุณภาพ แต่คิดว่าพอถึงเวลาจริง คงไม่ได้ทำเพราะเหนื่อยมากค่ะ การเข้าแถวรอเป็นกิจกรรม family bonding และการฝึกความอดทนของทั้งพ่อแม่ลูกค่ะ
.
สิ่งที่สังเกตเห็นตลอดทริปคือ คนญี่ปุ่นนี่ early bird มาก เค้าจะไปต่อแถวรอล่วงหน้ากันนานมาก ๆ อย่าง DiseneySea บ้านต่ายไปถึงกันประมาณ 8 โมง โดยที่สวนเปิด 9 โมง คิดว่าไปรอชั่วโมงนึงตอนอากาศหนาว ๆ นี่ก็อดทนมากแล้ว พอไปถึงแถวรอเข้านี่ยาวมากกกกกไปแล้วค่ะ ตอนที่นั่งทานข้าวที่โรงแรมใกล้ ๆ ทางเข้าประมาณ 6:30 ก็เห็นคนเริ่มเยอะแล้ว เลยเดาว่าเค้าอาจจะไปรอกันตั้งแต่ 6-7 โมง ไปรอกันล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมงเลยค่ะ
.
ระหว่างเข้าแถวรอเข้าสวนนี่ก็แอบสังเกตผู้คนรอบข้างไปด้วย วัยรุ่นญี่ปุ่นมากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่นี่เค้าต้องแต่งตัวมา theme เดียวกันนะคะ ส่วนมากจะใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน (ไม่ค่อยแน่ใจธรรมเนียมกันใส่ชุดนักเรียนว่าเค้าใส่ไปเที่ยวกันเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า) นอกเหนือจากนั้นต้องมีพรอพที่เป็น Disney มาค่ะ อย่าน้อยก็ใส่ที่คาดผมหู Mickey หรือตัวละครอื่น ๆ ที่เป็นแบบเดียวกัน คือมองไปก็รู้เลยว่ามาด้วยกัน บางกลุ่มอุ้มตุ๊กตาที่มาจากเรื่องเดียวกัน ที่กระเป๋าก็ต้องมีตุ๊กตา Disney ห้อย บางคนห้อยมาเป็น 10 ตัว คือเข้ามาให้ Disney นี่ต้องมีพรอพ Disney ค่ะ ไม่งั้นรู้สึกผิด 555
.
บ้านต่ายก็เลยต้องไปสอยที่คาดผมตัวละครกันมาบ้าง นี่เป็นการตลาดแบบไม่ต้องทำการตลาดหรือเปล่า คือพอมองไปทางไหนก็เห็นเราก็ต้องมีบ้าง ตอนซื้อเสร็จคนขายทุกร้านจะถามเหมือนกันเลยว่าตัดป้ายราคาเลยไหมจะได้ใส่ได้เลย อันนี้สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนไป Sanrio Puroland แล้ว ด้านหน้าจะมีร้านขายของใหญ่ หลายคนมาถึงแวะซื้อที่คาดผมตัวละครเพื่อใส่เดินข้างในก่อนเลย อันนี้บ้านต่ายไม่ซื้อแต่ไปซื้อที่ Disney เพราะ Disney มีหลายที่น่าจะได้ใส่โอกาสหน้าอีก
.
ใน DisneySea นี่ของน่าซื้อเยอะมาก บ้านต่ายกลัวงบจะบานปลาย รอบนี้ลูกเข้าใจเรื่องเงินและ value ของของบ้างแล้ว เลยบอกตั้งแต่ก่อนไปเลยว่าทริปนี้ให้งบเท่าไร เราจะไปไหนบ้าง ทุกเย็นเราจะสรุปงบกันว่าแต่ละคนเหลือเท่าไร และก็เป็นตามคาดเราไป Disney กันวันสุดท้าย ลูกเหลือเงินไม่เยอะ แต่มีของอยากได้เยอะ ลูกก็ต้องตัดใจเลือกได้แค่บางอย่าง ทริปนี้แม่กับป๊าโอเคงบซื้อของลูกไม่บานปลายค่ะ ตอนลูกอยู่อนุบาลยังไม่เข้าใจเรื่อง value ของเงิน ตอนนั้นให้ซื้อของจำกัดเป็นจำนวนชิ้นค่ะ ให้ซื้อได้คนละกี่ชิ้น แล้วคอยช่วยดูไม่ให้ซื้อของที่ไม่ควรซื้อ (ของที่เป็น want ไม่ใช่ need) รอบนี้อย่างน้อยลูกกามารถเปรียบเทียบค่าเงินได้ เช่น ของที่เค้าจะซื้อนี่ราคาเท่าราเม็งที่เค้ากินไปเลย
.
การเดินทางแต่ละครั้งลูกก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ต่ายสนับสนุนให้เดินทางจะในประเทศหรือนอกประเทศก็ตามค่ะ เป็นการไปพักผ่อน (ถ้าลูกเล็กก็อาจจะเหนื่อยกว่าลูกโต) เปิดประสบการณ์ Ep หน้ามาคุยกันว่าเราเลี้ยงลูกให้เป็น global citizen แล้วการพาลูกเดินทางสำคัญอย่างไรค่ะ
#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา, #StrengthFinder, #ค้นหาพรสวรรค์, #โค้ชแม่ต่าย, #StrengthCoach, #Gallup, #CoachTai
Comments