หนังสือเล่มนี้เป็นอีกเล่มที่มาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะกับชีวิตต่าย ต่ายใช้เวลาอ่านจบในชั่วข้ามคืน อินมาก ได้แนวทางให้ชีวิตตัวเอง อ่านจบแล้วก็รีบลงมือทำตามในหนังสือทันที แถมหนังสือยังดำเนินเนื้อเรื่องมาในแนวอ่านจบแล้วน้ำตาท่วมอีก เลยยิ่งอินเข้าไปใหญ่
.
หนังสือเล่มนี้เหมาะให้วัยรุ่น วัยค้นหาตัวตนอ่านมากค่ะ สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราก็อ่านดีนะคะ ถ้าเรายังหาตัวตนไม่เจอหรืออยากลองรู้จักกับตัวเองเพิ่มมากขึ้น
.
อยากเล่าแนวทางที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ค่ะ
1.จริง ๆ แล้ว เราต้องการอะไร
เริ่มต้นจากการเขียน Life List เขียนว่าอยากไปที่ไหน อยากทำอะไรเป็น อยากลองทำหรืออยากบรรลุเป้าหมายอะไรในอนาคต ไม่ต้องเป็นรูปธรรมก็ได้ แค่สิ่งที่รู้สึกสนใจ คิดแค่ว่า ‘ถ้าเป็นแบบนี้ได้ก็ดีสิ’ ห้ามคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ไม่ว่าเล็กใหญ่แค่ไหนให้เขียนออกมาให้ได้เยอะที่สุด ในหนังสือเขียนกันทั้งหมด 60 ข้อค่ะ
2. รู้วิธีทำให้ฝันเป็นจริง
คนที่ประสบความสำเร็จต่างรู้ดีว่า กว่าจะได้มาซึ่งความสำเร็จต้องอาศัยความช่วยเหลือจากคนมากมาย ดังนั้นวิธีการทำฝันให้เป็นจริงคือการเขียน Life list ที่ 2 คือเรื่องที่อยากทำเพื่อคนอื่น เขียนให้ได้มากเหมือน list แรกเลยนะคะ Life list แรก คือ Take List ส่วน Life list ที่ 2 คือ Give List
3.รู้ความจริงเกี่ยวกับความเกี่ยวกับความสำเร็จในแง่ความมั่งคั่ง
เราจ่ายเงินไม่ได้จ่ายให้ได้มาเพื่อสิ่งที่ต้องการ แต่เพื่อส่ง ‘คำขอบคุณ’ สู่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย เช่น แฮมเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น เราไม่ได้จ่ายเพื่อแค่ให้ได้แฮมเบอร์เกอร์มา แต่เราส่งคำขอบคุณไปยัง คนทำแฮมเบอร์เกอร์ คนทำขนมปัง คนปลูกข้าวให้มาทำขนมปัง คนปลูกผัก คนเลี้ยงวัว ฯลฯ ดังนั้นเวลาเราหาเงิน คือเราสะสม ‘คำขอบคุณ’ เอาไว้
ในหนังสือจะบอกให้เราทำงานเพื่อให้ได้คำขอบคุณเยอะ ๆ (ไม่ใช่ทำงานเพื่อให้ได้เงินเยอะ ๆ)
4.เป็นคนเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ เปลี่ยนปมด้อยให้เป็นเอกลักษณ์
เพียงแค่เราจุกไปให้สว่างจากข้างในตัวเอง จุดบกพร่องทั้งหลาย รอยแผลที่เกิดขึ้นจนเราเป็นเราทุกวันนี้ ทั้งหมดนั้นจะกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ขับเสน่ห์ของเราขึ้นมา
5.ไม่นำวิธีการมาเป็นเป้าหมาย วิธีการบรรลุเป้าหมายไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
คนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ในชีวิตไม่ใช่คนประเภทที่ตัดสินใจมุ่งสู่เส้นทางใดทางหนึ่งตั้งแต่เนิ่น ๆ และต้องไม่ลืมว่าอาชีพคือหนทางหนึ่งที่จะทำให้ฝันเป็นจริง ถ้าทางนี้ไม่รอดก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบสิ้น
แนวคิดที่ต่ายได้คือ จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องรีบ force ตัวเองและลูกให้รู้ว่าเราอยากมีอาชีพอะไรก็ได้นะคะ เพราะอาชีพเป็นเพียงยานพาหนะที่จะช่วยพาเราไปยังจุดหมาย
6.ละทิ้งอคติที่ว่าเราทำไม่ได้
อคติจะทำให้ความเป็นไปได้เป็นไปไม่ได้ขึ้นมา คนส่วนใหญ่กลับตัดสินว่าตัวเองจะทำไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพียงเพราะจนถึงเมื่อวานยังทำไม่ได้ ความจริงว่าเมื่อวานทำไม่ได้ ไม่ใช่เหตุผลที่บอกว่าวันนี้จะทำไม่ได้สักหน่อย
7.ไม่มีอะไรในชีวิตนี้ที่เราทำไม่ได้
.
นอกเหนือจากข้อคิดที่ได้จากเรื่องแล้ว ในเส้นเรื่องก็มีเรื่องราวของตัวละครและความดราม่าที่อ่านจบก็น้ำตาท่วมให้ตัวละครไปด้วยค่ะ (อันนี้ขอไม่สปอยนะคะ) เป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ต่ายจะเก็บไว้ใน list หนังสือที่อยากให้ลูกได้อ่านค่ะ
#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา, #StrengthFinder, #ค้นหาพรสวรรค์, #โค้ชแม่ต่าย, #StrengthCoach, #Gallup, #CoachTai
Comentarios