
ต่ายได้ฟังคำแนะนำนี้จาก ครู Antonella Aloigi Hayes ที่ได้พูดไว้ใน AVS International String Camp จึงอยากจะสรุปไว้ค่ะ
.
สิ่งแรกคือการเรียนดนตรี (รวมทั้งกีฬา และ performing art อื่นๆ) ไม่เหมือนการเรียนวิชาอื่น ๆ ที่เราเรียน เราเข้าใจแล้วเราก็จะมีความรู้นั้น ๆ เลย การเรียนดนตรี เราเห็นคุณครูเล่นในห้อง เราเข้าใจวิธีการเล่น ก็ไม่ได้ทำให้เราเล่นดนตรีได้ เราต้องมีการฝึกฝนเพื่อให้เราเล่นดนตรีได้
.
เมื่อเราเล่นได้แล้ว จะมีการแสดงให้คนดูเห็นว่าเราเรียนอะไรและเราเรียนอย่างไร เป็นการโชว์ความหมายและความรู้สึก ดนตรีไม่เหมือนการวาดภาพที่เมื่อจิตกรวาดภาพเสร็จเราก็จะสามารถชื่นชมผลงานได้ตลอด การแสดงดนตรีเราจะชื่นชมผลงานได้แค่ในห้วงเวลาที่ดนตรีบรรเลง
.
ผู้ปกครองจึงมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการจัดระเบียบการซ้อมและฝึกฝนให้ลูกของเรามีวินัยในการซ้อม ทำให้การซ้อมเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนที่เราต้องแปรงฟันทุกวันค่ะ
.
นักเรียน Suzuki จะเริ่มจากการฝึกโค้ง (bow) เพื่อทำความเคารพ ขอบคุณ คุณครู ตรงนี้เป็นเหมือน กิจวัตรในการเรียนค่ะ
.
สิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ priority ค่ะ เราไม่สามารถให้เด็ก ๆ focus ทุกอย่างได้ในการซ้อมครั้งเดียว เราต้องเลือกครั้งละหนึ่งอย่าง เช่น วันนี้เราจะซ้อม scale เพลง หรือเทคนิคมือซ้าย เลือกอย่างเดียวค่ะ ผู้ปกครองจะมีส่วนช่วยแยกการซ้อมให้เป็นส่วนเล็ก ๆ ย่อย ๆ เพื่อที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้ได้และไม่สับสนค่ะ
.
นอกจากนั้นเด็ก ๆ ควรจะได้ฟัง (listen not hear) เสียงดนตรีที่ดี เด็ก ๆ Suzuki จะถูก encourage ให้ฟังเสียง violin จาก CD ในเพลงที่ตัวเองเล่นหรือกำลังจะเล่น จะได้ซึมซับเสียงที่มีคุณภาพ เป็นหลักการ mother tongue (เด็กหัดพูดจากการเลียนเสียงที่ฟังมา เด็กสามารถเล่นดนตรีเลียนเสียงดนตรีที่ได้ยินมา)
.
การฟังเสียงที่ดีอีกวิธีนึง คือ การพาลูกไปฟัง concert ค่ะ ต่ายเองก็เคยพาลูกไปดู concert นอกจากลูกจะได้ฟังและมีความสุขไปกับเสียงดนตรีเพราะ ๆ แล้ว ยังเป็น inspiration ให้ลูกกลับมาซ้อมๆๆ เพราะอยากเล่น concert บ้าง
.
อย่างไรก็ดี การเรียนดนตรี เราก็ต้องอาศัยครูสอนดนตรีช่วยทำสิ่งที่ซับซ้อนเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ เข้าใจได้ และสามารถเล่นดนตรีได้ค่ะ
.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจการเรียนดนตรีด้วย Suzuki method ต่ายเคยเขียนรายละเอียดไว้ใน Ep.5 ค่ะ
.
การสรุปนี้ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ
Comentários