ต่ายอยากเรียนคลาส Search Inside Yourself ค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เรียน เลยไปหาหนังสือมาอ่านก่อน concept นี้มีส่วนทำให้ฝรั่งตื่นตัวกับ mindfulness การมีสติรับรู้ การทำสมาธิ ผู้เขียนเป็นวิศวกรที่ทำงานกับ Google มานานและเป็นผู้คิดค้นและสอนหลักสูตรความฉลาดทางอารมณ์ที่ชื่อ Search Inside Yourself ที่ Google
.
หลักสูตรนี้ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
1.การฝึกจดจ่อ
2.การรู้จักตนเองและการเป็นนายตนเอง
3.การสร้างนิสัยทางจิตที่มีประโยชน์
.
บทแรกกล่าวถึงเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ด้าน
1.การรู้จักตัวเอง
2.การควบคุมตัวเอง
3.แรงจูงใจ
4.ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น
5.ทักษะทางสังคม
ซึ่งความฉลาดทางอารมณ์จะช่วยสร้างทักษะ 3 อย่าง คือ ทักษะการทำงานชั้นยอด ทักษะการเป็นผู้นำที่ดี ทักษะการสร้างปัจจัยที่เอื้อให้มีความสุข โดยการเริ่มพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์เริ่มด้วย #การฝึกจดจ่อ
.
ผู้เขียนเริ่มต้นจากการฝึกสติวันละ 2 นาทีกับลูกสาวก่อนนอน วิธีการฝึกสติแบบง่าย คือ จดจ่ออยู่กับลมหายใจ ถ้าเมื่อไรที่เริ่มเขวก็ดึงกลับมา ส่วนวิธที่ง่ายกว่า คือ นั่งเฉย ๆ โดยไม่ต้องคิดว่าจะทำอะไร ให้ได้อยู่กับตัวเอง ซึ่งภายใน 2 นาทีนี้สามารถใช้ 2 วิธีนี้สลับกันไปมาได้ การฝึกทำสมาธิอย่างมีสติ จะเป็นวัฏจักรของ การสังเกตลมหายใจ เสียสมาธิ จดจ่อใหม่ แล้วกลับมาที่การสังเกตลมหายใจอีก วนไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าจำอะไรไม่ได้ให้จำว่า #หายใจให้เหมือนชีวิตคุณขึ้นอยู่กับมัน
.
การฝึกสติทำได้กับทุกเรื่องไม่จะเป็นต้องฝึกเฉพาะการสั่งสมาธิ เราสามารถฝึกจดจ่อได้ทั้งขณะที่เรา ทำกิจกรรมต่าง ๆ เดิน มีสติขณะอยู่กับผู้อื่นฟังอย่างมีสติ และพูดคุยอย่างมีสติ และควรฝึกอย่างต่อเนื่อง ในหนังสือเล่มนี้จะมีวิธีการฝึกอย่างละเอียดในสำหรับทุก ๆ กิจกรรมการฝึกค่ะ
.
ศักยภาพทางอารมณ์ประกอบด้วย 1.การรู้จักอารมณ์ 2.การประเมินตัวเองตามความเป็นจริง 3.ความมั่นใจในตัวเอง การประเมินตนเองเป็นเครื่องแสดงถึงประสิทธิภาพระดับสูง ผู้ที่มีศักยภาพในการประเมินตัวเองตามความเป็นจริงจะตระหนักถึงความสามารถและข้อจำกัดของตัวเอง
.
การเขียนถึงตัวเอง เป็นวิธีที่สำคัญในการค้นหาตัวเองซึ่งจะช่วยให้ค้นพบสิ่งที่อยู่ในความคิดที่มองเห็นได้ไม่ชัดหรือไม่รู้ว่ามันมีอยู่ เริ่มด้วยการฝึกโดยกำหนดเวลาแน่นอน 3 นาที ตั้งโจทย์ให้ตัวเอง เช่น เริ่มต้นด้วยประโยคปลายเปิด เช่น ‘สิ่งที่ฉันรู้สึกอยู่ตอนนี้คือ...’ กฎพียงข้อเดียวคืออย่าหยุดเขียนจนกว่าเวลาจะหมด ถ้าไม่มีอะไรจะเขียน ให้เขียนว่า ‘ฉันไม่มีเรื่องจะเขียน’ ไปเรื่อย ๆ มีงานวิจัยถึงการเขียนถึงตัวเอง นักศึกษาที่เขียนถึงตัวเองทุกวัน จะรู้สึกดีขึ้น เลือดไหลเวียนดีขึ้น และมีผลการเรียนดีขึ้น
.
หากได้รับการฝึกสติมามากพอ เราจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่สำคัญยิ่งคือ อารมณ์เป็นเพียงสิ่งที่เรารู้สึก ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็น อารมณ์เป็นเพียงภาวะทางร่างกาย เป็นเพียงสิ่งที่ร่างกายรู้สึก ความคิดของเราจะเปลี่ยนจาก ‘ฉันเศร้าใจ’ เป้น ‘ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเศร้าในร่างกายตัวเอง’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้ ถ้าอารมณ์เป็นสิ่งที่เราเป็น เราคงทำอะไรไม่ได้มาก อารมณ์ก็เหมือนกับเวลาเราปวดไหล่หลังออกกำลังเกินขนาดเราสามารถแก้ไขได้
.
คุณสมบัติ 5 ข้อของการควบคุมตัวเอง คือ
1.การควบคุมอารมณ์
2.การซื่อสัตย์กับตัวเอง
3.การรับผิดชอบต่อตัวเอง
4.การรู้จักปรับตัว
5.การรู้จักเปลี่ยนแปลง
ซึ่งคุณสมบัติทุกข้อมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ การเป็นทางเลือก และการควคุมตังเองไม่ใช่การเก็บกดหรือการไม่ยอมรับความรู้สึก
.
การจัดการกับตัวกระตุ้นอารมณ์คือ หยุด หายใจ สังเกต ไตร่ตรองและตอบสนอง ซึ่งก็คือ นิ่งสยบความเคลื่อนไหว
.
การฝึกทำสมาธิด้วยรักและเมตตา เช่น การแผ่เมตตา ช่วยรักษาความสัมพันธ์ได้ และการสร้างความเชื่อใจเป็นประโยชน์กับการทำงาน
.
การฝึกฟังอย่างเข้าใจช่วยยกระดับการฟังอย่างมีสติ โดยสามารถเพิ่มศักยภาพการฟังได้ดังนี้ การมีสติ การมีเมตตา ความสงสัยใคร่รู้ และการฝึกฝน
.
วิธีที่ดีที่สุดในการเป็นผู้นำคือการนำคนด้วยความเห็นอกเห็นใจ เพื่อฝึกความเห็นอกเห็นใจให้ฝึก ‘ทองเลน’ เป็นภาษาทิเบตแปลว่า ‘การให้และการรับ’ ก่อนฝึกเราต้องกำจัดขยะอารมณ์ทิ้งไปก่อน เป็นการฝึกสังเกตตัวเองแล้วเข้าใจตัวเอง ก่อนที่จะไปฝึกเปิดรับประสบการณืของคนอื่นเพื่อให้เข้าใจคนอื่น
.
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีความฝันอย่างแรงกล้าที่จะสร้างสันติภาพให้กับโลก โดยเชื่อว่าสันติภาพจะสร้างได้ต้องสร้างจากภายในสู่ภายนอก หากเราสามารถสร้างความสงบสุขภายในตัวทุกคนได้ ความสงบสุขจะแสดงออกมาเป็นความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเมื่อคนส่วนใหญ่สุข สงบ เราจะสามารถสร้างรากฐานของสันติภาพได้
.
ถ้าเราเชื่ออย่างเดียวกับผู้เขียน อยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสุขสงบภายในตัวเรา เป็นตัวอย่างให้ลูก สอนลูก เริ่มต้นที่ครอบครัวเราเพื่อให้เกิดเป็นรากฐานของสันติภาพในวงกว้างค่ะ
Comments