ประโยคข้างบนเป็นชื่อตอนหนึ่งในหนังสือ ‘อย่าโชคร้ายที่ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี’ ของคุณวีรยุทธ ล้อทองพานิชย์ หรือ คุณอู๋ วิ้งค์วิ้งค์ เล่าถึงเรื่องน้องคนนึงที่เรียนบัญชีแต่อยากมาฝึกงานที่บริษัทโฆษณาของคุณอู๋ ตอนแรกคุณอู๋รับมาจะให้ฝึกงานเท่านั้นเพราะเรียนมาไม่ตรงสาย น้องคนนี้ทำงานดีมาก มีน้ำใจ งานตัวเองเสร็จก็ไปช่วยงานคนอื่น หลายคนในบริษัทบอกให้รับน้องเข้าทำงาน แล้วน้องก็ได้มาทำงานอย่างขยันขันแข็งในบริษัท จนวันนึงน้องล้มลง ปรากฎว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
.
น้องลาหยุดงานไปรักษาตัวเกือบปีก็กลับมาทำงานต่อ ประโยคที่น้องพูดให้คุณอู๋ฟังคือ ‘ถ้ามีความฝันอะไรก็ต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ เพราะว่าวันหนึ่ง เราอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำมันแล้วก็ได้ครับ’
.
น้องก็กลับมาทำงานสลับกับไปรักษาตัว แล้วน้องก็มาลาออกเพราะว่าทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง จากวันแรกที่ฝึกงานผ่านไปสองปีน้องก็เสีย คุณอู๋เคยถามน้องตอนที่มะเร็งกำเริบว่ากลัวตายไหม น้องบอกว่ากลัว แต่ก็ต้องทำใจยอมรับ แต่สิ่งที่ไม่เสียใจเลยคือ การที่ได้ทำทุกช่วงเวลาให้ดีที่สุด เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เรียนจบตามที่พ่อแม่ต้องการ และได้มาทำงานกองถ่ายหนังที่เค้ารักแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม
.
ต่ายนับถือข้อคิดที่ได้จากน้องคนนี้เลยค่ะ น้องปิง วิธวัช รัตนบุญนิธิ แม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัว แต่ชีวิตน้องก็ได้ leave legacyไว้แล้วค่ะ
.
.
.
.
คุณเองหรือลูกของคุณมีความฝันไหมคะ อย่าพูดว่า ‘เดี๋ยว’ กับความฝันของเราเลยค่ะ ทำมัน ‘เดี๋ยวนี้’ ค่ะ
コメント