top of page
Search
  • Writer's pictureCoachTai Musicparent

Ep.195 สรุปจาก Live: “เด็กกับการเรียนดนตรี-ตอบทุกคำถามที่คุณพ่อคุณแม่อยากรู้” 1/3..



ต่ายได้รับเกียรติอย่างยิ่งให้ไป live ในเพจ ดีต่อลูก​ กับพ่อโต้งค่ะ เลยจะมาเขียนสรุปที่คุยกันและเพิ่มเติมคำตอบในบางส่วนค่ะ ซึ่งจะแบ่งเป็นทั้งหมด 3 Ep นะคะ

.

#ประโยชน์จากการเล่นดนตรี ก็มีประโยชน์กับสมองมีหลายงานวิจัยที่สนับสนุน เช่น

- Mozart Effect มีการทดลองให้เด็กฟังเพลง Mozart ก่อนสอบวิชามิติสัมพันธ์ ปรากฏว่าเด็กที่ฟัง Mozart ก่อนทำคะแนนได้ดีกว่าเด็กกลุ่มที่ไม่ได้ฟัง

- การเล่นดนตรีเป็นการใช้สมองทั้งสองซีกและสารสื่อประสาทจะส่งผ่านสมองทั้งสองซีก โดยต้องใช้สมองหลายส่วนทั้งการมองเห็น การฟัง กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก การเล่นดนตรีจึงเป็นการออกกำลังสมองทุกส่วนมากกว่ากิจกรรมอื่น ๆ เช่น กีฬา หรือ การวาดรูป

- ไอน์สไตน์ ก็เป็นนักไวโอลินที่เก่ง และใช้หลักการ combinary play เวลาที่คิดงานไม่ออกก็ไปเล่นดนตรี (ให้สมองไปคิดอย่างอื่น) แล้วกลับมาคิดงานก็จะคิดออก

- สำหรับตัวต่ายเองดนตรีเป็นเครื่องมือ heal my soul ค่ะ เวลาสุข เวลาเศร้าก็มาเล่นดนตรี เป็นเพลงบ้างไม่เป็นเพลงบ้างก็ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ค่ะ

- สำหรับ music for wellness ก็แนะนำให้ทำ play list เพลงสำหรับแต่ละ mood ค่ะ เพลงสำหรับเวลา feel down ช่วยให้เรามีกำลังใจ เพลงที่เราจะฟังเวลาโกรธ ช่วยให้เราลดความโกรธ หรือเพลงที่ใช้ calm down เวลาเราตื่นเต้น ฯลฯ

- การเล่นดนตรียังช่วยฝึกทักษะอีกหลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดคือ discipline การที่เราให้ลูกซ้อมทุกวันเป็นการฝึกวินับเป็นอย่างดีค่ะ นอกเหนือจากนั้นยังได้ฝึก grit, resilience และถ้าเล่นดนตรีเป็นวงเราก็ได้ทักษะ collaboration, การเป็นผู้นำผู้ตาม ฯลฯ

.

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนดนตรี การเรียนคนตรีก็มีค่าใช้จ่ายทั้งค่าเรียน ค่าเครื่อง ค่าสอบ ค่าแข่ง ฯลฯ สำหรับที่เรียนดนตรีที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ก็ในโรงเรียนหลาย ๆ โรงเรียนขนาดใหญ่มีวงโยธวาฑิต ที่สอนดนตรีให้นักเรียนนโรงเรียน ต่ายเองก็หัด trumpet จากวงฯของโรงเรียนค่ะ ในโรงเรียนที่มีสอนวิชาดนตรีเครื่องดนตรีที่ใช้สอนก็ เช่น melodian, recorder และมีโรงเรียนอินเตอร์หลายโรงเรียนนะคะที่ให้ทุนดนตรี เช่น Shrewberry, Harrow, Regent

.

ถ้าถามว่าจะเริ่มต้นเรียนดนตรีอย่างไร คงต้องถามคุณพ่อคุณแม่กลับไปก่อนว่า objective ของการให้ลูกเรียนดนตรีคืออะไร เพราะต่ายคงแนะนำต่างกันถ้าหากว่าอยากให้ลูกเรียนเพื่อเป็นนักดนตรี/ อยากให้มีกิจกรรมเสริมเพิ่มเติม/ อยากให้เรียนเพื่อผ่อนคลาย สมัยนี้เด็ก ๆ เริ่มเรียนดนตรีได้ตั้งแต่ 0 ขวบเลยค่ะ เป็นการไปฟัง ซึมซับดนตรี เด็กเล็ก ๆ อาจจะยังไม่ได้จับเครื่องดนตรีจริงจัง แต่เป็นการไปเรียนพื้นฐานดนตรี เช่น การฟัง การร้องเพลง จังหวะ pitch เด็ก ๆ จะเริ่มเรียนเครื่องดนตรีได้ตั้งแต่อายุ 3-4 ขวบ เช่น การสอนในแนวทาง Suzuki เด็กวัยนี้เริ่มเรียน violin และ piano ได้แล้ว สำหรับเครื่องเป่าอาจจะต้องโตอีกซักหน่อยประมาณ 8-9 ขวบ เพราะต้องใช้แรงในการเป่าเยอะ สำหรับการเรียนดนตรีส่วนที่สำคัญเราไม่บังคับลูก ให้ลูกอยากเรียนเอง เพราะการบังคับอาจจะทำให้เด็กไม่ชอบดนตรีไปเลย

.

การเรียนระบบ Suzuki มีหลักการมาจากการฝึกพูดของเด็ก ๆ เด็กยังไม่ต้องเขียนได้หรืออ่านออกก็สามารถพูดได้โดยใช้การเลียนเสียงจากการฟัง การเรียนดนตรีในระบบ Suzuki จึงเลียนแบบวิธีนี้มา คือ ให้เด็กเล่นดนตรีโดยที่ไม่ได้เริ่มจากการอ่านโน้ตแต่เล่นจากการฟัง เด็ก Suzuki จะเริ่มอ่านโน้ตเมื่ออายุประมาณ 6-7 ขวบ (เป็นช่วยอายุเดียวกับที่ Waldorf แนะนำให้เด็กหัดอ่านหนังสือ) คือเป็นอายุที่เหมาะสมในการอ่าน และหลักการ Suzuki จะให้ความสำคัญกับ 3 parties ได้แก่ เด็ก คุณครู และผู้ปกครอง ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการช่วยลูกฝึกซ้อมที่บ้าน ผู้ปกครองจะต้องเข้าไปเรียนด้วยเพื่อจะได้รู้ว่าลูกเรียนอะไรไปบ้างและการบ้านมีอะไรบ้าง

.

คราวหน้ามาต่อเรื่องเลือกเครื่องอะไรดี การเลือกครู การซ้อม และเมื่อลูกหมดไฟทำยังไงดีนะคะ


#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #Consultant, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา

コメント


bottom of page