ตอนนี้มีนกมาทำรังที่บ้านค่ะ เด็กๆ (และทุกคนในบ้าน) ก็ตื่นเต้นค่ะ เราสังเกตเห็นตั้งแต่นกค่อยๆสร้างรัง จนมีนกมาอยู่ จนมีไข่นก จนเห็นลูกนกตัวแดงๆไม่มีขนอ้าปากรอแม่นก จนตอนนี้ลูกนกมีขนหน้าตาเริ่มเหมือนแม่นกแล้ว สำหรับต่ายเหมือนเห็นภาพ fast forward ของตัวเองตั้งแต่เริ่มมีลูกจนตอนนี้ลูกนกใกล้จะออกจากรังแล้วค่ะ
.
จริงๆประเด็นที่อยากคุยวันนี้เป็นเรื่องสัตว์เลี้ยงค่ะ ต่ายก็โตมาในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงตลอดค่ะ เคยเลี้ยง หมา ปลา เต่า แต่ที่มีอยู่ตลอดคือ หมา ซึ่งต่ายเป็นลูกคนเดียว เวลาเหงาๆก็ไปเล่นกับหมาค่ะ หมาตัวที่จดจำมากที่สุดเป็นตัวที่อยู่กับต่ายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อคือช่วงวัยรุ่น เราไม่พี่น้อง บางครั้งมีเรื่องที่เล่าให้พ่อแม่ฟังไม่ได้ก็ไปเล่าให้หมาฟังค่ะ ^^
.
การเลี้ยงสัตว์ก็มีข้อดี ทำให้เราไม่เหงา เราจะเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตา ได้ฝึก empathy กับสัตว์เลี้ยง ฝึกให้เด็กๆรับผิดชอบในการให้อาหาร อาบน้ำ และดูแลพาไปหาหมอฉีดวัคซีนและเวลาไม่สบาย
.
แต่ก่อนจะเลี้ยงสัตว์ก็อยากจะให้แน่ใจว่าเราพร้อมจริงๆ พร้อมจะดูแลอีกหนึ่งชีวิตไม่ทอดทิ้งเค้า อย่างไรก็ดีการเลี้ยงสัตว์ก็มีค่าใช้จ่ายทั้งค่าอาหาร ค่าพาไปหาหมอ และอื่นๆ รวมทั้งเวลาที่เราก็ต้องมีให้เค้า พาไปเดินเล่น (อย่าลืมนึกถึงตอนต้องเก็บอึ๊น้องหมาด้วย) มีเวลาเล่นกับเค้า
.
แต่ต่ายก็ยังชวนนะคะ ถ้ามีทรัพยากรพร้อมทั้งกำลังเงินและเวลา เชียร์ให้เลี้ยงสัตว์ค่ะ อ้อ ถ้าลูกอยากเลี้ยงด้วยนี่ดีเลยค่ะ ทำข้อตกลงกับลูกเลยว่าจะรับผิดชอบอะไรบ้างกับสัตว์เลี้ยง เช่น ต้องให้อาหาร ทำความสะอาด หรือพาไปเดินเล่น ลูกจะได้ฝึกวินัยและ empathy ไปพร้อมๆกันค่ะ
.
สำหรับที่บ้านตอนนี้ไม่มีสัตว์เลี้ยงค่ะ หลังจากหนูแฮมสเตอร์ที่ลูกเลี้ยงไว้ตาย ก็ยังไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงใหม่ค่ะ ลูกบอกว่าไม่อยากเจอความสูญเสียอีก นี่ก็เป็นอีกแบบฝึกหัดชีวิตให้ลูกค่ะ sooner or later เค้าก็ต้องพบกับความสูญเสียค่ะ เราก็ได้ใช้สถานการณ์ตรงนี้มาช่วยให้ลูกเรียนรู้และผ่านพ้นมันไปด้วยกันค่ะ
.
.
ป.ล. หลังจากเขียนเรื่องนี้เสร็จ เย็นวันนั้นก็ได้ทราบว่าลูกนกหัดบินสำเร็จแล้ว และสองแม่ลูกก็ออกจากรังไปแล้ว ไม่กลับมาแล้วค่ะ ตอนนี้มีแต่รังเปล่าๆ ที่บ้านก็แอบเหงากันไปค่ะ
Comments