
สวัสดีปีใหม่ค่ะ อยากเริ่ม Ep แรกของปี ด้วยสิ่งที่อยากจะกลับมาอ่านเองตลอดทั้งปีว่าปีนี้เราอยากจะพัฒนาลูกและตัวเองเรื่องอะไร
.
จากการศึกษาเรื่อง 21st century skills จากหลายๆแหล่ง ทั้งทักษะที่เราควรจะเตรียมลูกและเตรียมตัวเองด้วยเพื่อให้เราพร้อมและมีที่ให้เรายังสามารถหารายได้ได้ ที่พูดเช่นนี้เพราะจากการที่เห็นแนวโน้มการจ้างงาน ทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาด คือ ทักษะเกี่ยวกับ technology, digital, data คนที่มีทักษะเหล่านี้คาดว่าจะยังเป็นที่ต้องการของตลาดไปอีกอย่างน้อย 5-10 ปี แล้วเรามีทักษะเหล่านี้หรือไม่ ทักษะเหล่านี้ไม่ได้สร้างได้เพียงชั่วข้ามคืน
.
อีกเหตุผลที่มองหาทักษะที่ควรมีคือ เราจะเห็นได้ว่า more and more AI (artificial intelligence) สามารถทำงานของคนได้และบางงานก็ทำได้มีประสิทธิภาพกว่าคน บางงานที่เราไม่เคยคิดว่าหุ่นยนต์จะมาแทนเรา เช่น หมอ หรือ ทนาย AI สามารถจดจำเคสต่างๆได้มากมายในเวลาอันสั้น และสามารถประมวลผลได้โดยไม่มี bias เช่น ความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง หรืออาชีพคนขับรถที่ตอนนี้ก็มีรถที่ไม่ต้องใช้คนขับสามารถวิ่งบนถนนได้แล้วในบางประเทศ
.
ดังนั้นทักษะที่ต่ายจะพูดถึงคือสิ่งที่ต่ายคิดว่าเราทุกคนควรจะมีเพื่อจะได้ยัง competitive ใน labor market คือ
.
#resilience อึด ถึก ฮึด สู้ ความพยายามอย่างไม่มีทางหยุด ถ้ายังไม่สำเร็จสมดังใจ แม้จะล้มก็สามารถลุกขึ้นมาได้ตลอดจนกว่าจะสำเร็จ คำที่คล้ายกันคือ grit ค่ะ คือ passion + perseverance มีความอดทน ล้มแล้วลุกอย่างเดียวคงไม่พอ เราต้องมี passion กับสิ่งที่เราทำด้วย อีกคำนึงที่มี sense ของมันอยู่ในนี้คือ agile ความสามารถในการปรับตัว ยืดหยุ่น เรียนรู้อย่างรวดเร็วและ move on ซึ่งผสม growth mindset เข้าไปด้วย
.
#creativity ทั้งในแง่ของ innovation, process improvement และศิลปะแขนงต่างๆ สิ่งที่ algorithm ของ AI อาจจะยังทำได้ไม่เหมือนสมองมนุษย์คือ การ connect the dot ของสิ่งที่อยู่ในสมองเราแล้วนำมันออกมาใช้เป็น creativity รวมทั้งศิลปะต่างๆ ดนตรี งานศิลป์ และอื่นๆ ก็ช่วย revitalize our soul and lift up our spirit
.
#การฟัง เป็นทักษะเริ่มต้นของการเข้าใจผู้อื่น แค่เพียงการฟังช่วยสร้างสันติภาพให้โลกได้ สงคราม การทะเลาะ เกิดจากการที่เราไม่เข้าใจกัน เราฟังผู้อื่นแบบไม่ตัดสิน ฟังถึงตัวตนของเค้า ฟังให้เข้าใจเค้าในแบบที่เค้าเป็น การฟังด้วยใจแบบนี่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ได้จริงค่ะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ แฟนต่ายรู้สึกว่าต่ายฟังเค้ามากขึ้น เราฟังอย่างเดียว ไม่พยายามแนะนำ ไม่ใส่ความคิดเห็นของเราลงไป เพียงแค่นี้ความสัมพันธ์ในบ้านก็ดีขึ้น สำหรับบทบาทในที่ทำงานการเข้าใจผู้อื่นผ่านการฟัง ช่วยเพิ่ม collaboration หรือหากอยู่ใน role ของ leader จะช่วยให้บรรยากาศในองค์กรน่าอยู่มากขึ้นแน่นอนค่ะ
.
ฝากไว้ลองคิดดูนะคะ ทักษะหรืออะไรที่จะยังทำให้เรามีคุณค่า และเตรียมพร้อมให้ลูกเราเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของโลกค่ะ
Comments