Empathy สำคัญอย่างไร Ep.232 มาสร้าง empathy ให้ลูกกันค่ะ

ตอนนี้ต่ายกำลังอ่านหนังสือเรื่อง ‘UnSelfie’ อยู่ค่ะ ซึ่งเนื้อหาหลัก ๆ เป็นหนังสือที่สอนให้ลูกมี empathy (ยังหาคำแปลภาษาไทยที่ถูกในไม่ได้ค่ะ) การที่ลูกมี empathy คือการที่ลูกเข้าใจคนอื่น เข้าใจไปในระดับถึงความรู้สึก ของบุคคลอื่น รวมทั้งเราจะเลือกแสดงออกอย่างเหมาะสมต่อผู้อื่นเมื่อเราเข้าใจเค้าแล้วด้วย บางครั้งต่ายก็รู้สึกว่ามันเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างคำว่า ความมีน้ำใจ และเรื่องของศีลธรรม (moral) หนังสือเล่มนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจ

.

เช่นมีตัวอย่างการสอนเรื่อง empathy ให้กับเด็กระดับอนุบาล โดยการให้คุณแม่พาน้องเบบี๋มาในชั้นเรียน ให้เด็ก ๆ ช่วยกันสังเกตพฤติกรรมและสีหน้าท่าทางของเบบี๋แล้วบอกว่าเบบี๋รู้สึกอย่างไร กำลังคิดอะไรอยู่ เป็นแบบฝึกหัดที่พี่ ๆ ชั้นอนุบาลต้องพยายามเข้าใจเพราะน้องเบบี๋พูดไม่ได้ ต่ายว่าตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจในการฝึก empathy ค่ะ

.

Empathy ไม่ได้อยู่ในสายเลือด (พันธุกรรม) นะคะ แต่เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู อีกตัวอย่างที่สอนให้เด็ก ๆ มี empathy คือ การให้เด็กได้อ่านหนังสือค่ะ แล้วเรามาพูดคุยกัน (debrief) ถึงความรู้สึกของตัวละคร รวมถึงคาดเดาการกระทำของตัวละครต่อจากนั้น และเราควรอ่านหนังสือเป็นเล่มมากกว่าอ่านผ่านจอ เพราะมีงานวิจัยว่าการอ่านจากหน้าจอดิจิทัลจะมีแนวโน้มที่จะสนุกน้อยกว่าสามเท่า และหนึ่งในสามมีแนวโน้มจะเป็นนักอ่านตัวยงมากกว่า

.

ต่ายจึงได้กลับมาเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังอีกครั้ง (หลังจากที่ยุ่งมากและเลิกอ่านนิทานไปซักพักแล้ว เพราะลูกเริ่มอ่านหนังสือได้เองแล้วด้วย) คราวนี้ตั้งใจอ่านวรรณกรรมเยาวชนเป็นเล่ม ๆ แบบที่ตัวหนังสือเยอะ ๆ มีภาพประกอบน้อย ๆ ให้ลูกฟัง และพบข้อดีมากมาย มากกว่าการสร้าง empathy ให้ลูกด้วยค่ะ ข้อดีข้อหนึ่งคือการช่วยให้ลูกห่างจากจอได้ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่เราอ่านหนังสือให้ฟังค่ะ เดี๋ยวคราวหน้ามาเล่าให้ฟังต่อถึง application และประโยชน์จากการอ่านหนังสือให้ลูกฟังค่ะ

#เลี้ยงลูกเล่นดนตรี, #โค้ชต่าย, #Musicparent, #Music, #Parent, #Coaching, #EF, #ดนตรี, #เลี้ยงลูก, #ปรึกษา, #พัฒนา, #StrengthFinder, #ค้นหาพรสวรรค์, #โค้ชแม่ต่าย, #StrengthCoach, #Gallup, #CoachTai