ต่ายรู้จักหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยค่ะ เป็นหนังสือที่อาจารย์ให้อ่านในวิชาที่นักศึกษาทุกคนในมหาวิทยาลัยต้องเรียน แล้วก็กลับมาอ่านอีกครั้งตอนอ่านให้ลูกฟัง ทุกครั้งที่อ่านก็จะได้ reflection ใหม่ ๆ ค่ะ
.
หนังสือเล่มนี้เขียนมาแล้ว 78 ปี แต่เนื้อหาไม่ล้าสมัยเลยค่ะ คนเขียนก็น่าสนใจค่ะ มีอาชีพเป็นนักบิน และหลังจากที่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ ปีถัดมาผู้เขียนก็หายสาบสูญไปพร้อมกับเครื่องบินที่ถูกยิงตกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เขียนเป็นผู้วาดภาพประกอบในหนังสือด้วย คือ อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี
.
มีผู้ชื่นชอบเจ้าชายน้อยเป็นอย่างมาก มีผู้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว 400 ล้านคน มีร้านเจ้าชายน้อยที่ฝรั่งเศส มีโซนเจ้าชายน้อยในสวนสนุก มีของที่ระลึกที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย และมี website เป็นของตัวเอง (link ใน comment)
.
เรื่องของเจ้าชายน้อย เป็นเด็กที่อยู่บนดาวบี 612 ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนในหนึ่งวันพระอาทิตย์ตกถึง 43 ครั้ง เจ้าชายน้อยอยู่บนดาวดวงนี้เพียงคนเดียวและเป็นเจ้าของภูเขาไฟ 3 ลูกที่ดับไปแล้ว 1 ลูก และดอกกุหลาบผู้เย่อหยิ่งที่ปากไม่ตรงกับใจ
.
เจ้าชายน้อยเดินทางไปพบผู้คนในดาวดวงต่าง ๆ ซึ่งที่แต่ละดาวก็จะ represent ความเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่ลืมไปแล้วว่าความเป็นเด็กเป็นอย่างไร เช่น พระราชาที่ชอบออกคำสั่ง คนหลงตัวเองที่ชอบให้คนอื่นชมโดยลืมย้อนมองตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร นักดื่มที่ดื่มเพื่อให้ลืมว่าตัวเองขี้เมา นักธุรกิจที่สนใจแต่ตัวเลข คนจุดโคมที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองจนไม่ยอมพัก นักภูมิศาสตร์ที่ไม่เคยออกไปสำรวจ
.
จนเดินทางมาถึงชาวโลกและได้เจอกับหมาจิ้งจอกและได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขในความสัมพันธ์และเมื่อต้องจากกันก็เศร้าแต่ก็ยังผูกพันกัน แล้วก็ได้ยัอนกลับไปทบทวนความสัมพันธ์ของตนเองกลับกุหลาบที่ดาวที่จากมา ดอกกุหลาบดอกนั้นเป็นดอกกุหลาบที่ไม่เหมือนกับดอกกุหลาบอีกห้าพันดอกที่เค้าได้เจอบนโลก สิ่งที่ทำให้ดอกกุหลาบดอกเดียวบนดาวของเค้าแตกต่างจากดอกกุหลาบอื่น ๆ คือ ความสัมพันธ์
.
และเค้าก็ได้มาพบนักบินซึ่งเครื่องบินตกอยู่กลางทะเลทราย เจ้าชายน้อยก็ได้เล่าเรื่องดาวที่จากมาและการเดินทางที่ผ่านมาให้ฟังตลอด 8 วันที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งได้ทำให้นักบินระลึกถึงตอนที่เป็นเด็กอีกครั้ง
.
มีตอนนึงในเรื่องที่นักบินกำลังยุ่งกับการซ่อมเครื่องบิน แล้วเจ้าชายน้อยก็เข้ามาถาม นักบินก็ตอบแบบส่ง ๆ ไป แล้วบอกว่ากำลังทำธุระสำคัญอยู่ เจ้าชายน้อยตะลึงไป แล้วบอกนักบินว่า เธอพูดเหมือนที่ผู้ใหญ่พูดเลย พออ่านถึงตรงนี้ต่ายก็สะดุดว่า เอ…เราเคยทำแบบนี้กับลูกหรือเปล่านะ ลูกมาถามหรือชวนมาเล่าอะไรให้เราฟังตอนที่กำลังยุ่ง ๆ แล้วเราก็ตอบแบบขอไปที หรือไม่ก็ทำเป็นฟัง แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ฟังหรือเปล่า ความเป็นเด็กของเราหายไปตั้งแต่เมื่อไร เราจะเรียกความเป็นเด็กในตัวเรากลับมาได้อย่างไรเพื่อให้เราเข้าใจลูกมากขึ้น
.
อีก key take away ที่ต่ายได้จากการอ่านรอบนี้คือ สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา เหมือนดอกกุหลาบซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของเจ้าชายน้อยที่อยู่บนดาวอีกดวง สำหรับต่ายความรัก ความผูกพัน และความเป็นเด็กของลูกและของเราเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาแต่รับรู้ได้ด้วยใจค่ะ
Comments