top of page
  • เพจของโค้ชแม่ต่ายค่ะ
  • 9e582e788b549c8bc310958d8222048f_icon



ต่ายขอตอบคำถามนี้ก่อนเลยว่าเราเรียนรู้จากทั้ง success และ failure ในทุกที่ทำงานเราเรียนรู้จาก best practice มีการเก็บ KM (knowledge management) ในการทำงานต่าง ๆ เราชื่นชม ให้รางวัลกับคนที่ทำผลงานได้ดี มีการ sharing วิธีการทำงานให้ประสบความสำเร็จ เราเรียนรู้ในหลาย ๆ แง่มุมจากความสำเร็จ

.

ในการทำงานของต่ายมีผู้บริหารท่านนึงจัด session เล่าให้คนทั้งองค์กรฟังถึง failure ที่ท่านทำ ครั้งแรกที่ได้ยินคือแปลกใจมาก เพราะปกติเรามักจะแชร์กันแต่เรื่องความสำเร็จ ยิ่งเป็นผู้บริหารไม่เคยได้ยินท่านไหนแชร์ความล้มเหลว แล้วก็ไม่ใช่แชร์กับคนกลุ่มเล็ก ๆ แต่จะแชร์ให้คนทั้งองค์กรฟัง

.

ในมุมที่ท่านมาแชร์ ท่านอยากให้พวกเราได้เรียนรู้สิ่งที่ท่านทำพลาด ให้เราไม่ต้องทำพลาดเหมือนท่าน ในอีกแง่มุมนึงท่านก็โชว์ว่าท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรา มีผิดพลาดได้ หลายครั้งเรามองผู้บริหารเป็นเหมือน super hero คือเก่งมาก ทำทุกอย่างประสบความสำเร็จ ทำให้เหมือนอยู่บนหอคอยงาช้างที่เราเอื้อมไม่ถึง การที่เรารู้ว่าท่านก็มีพลาดบ้างทำให้รู้สึกว่าท่านก็เหมือนพวกเรานี่แหละ ช่วยเปิดประตูให้เราเข้าถึงได้

.

หัวหน้าที่ต่ายเคยเจอมาแล้วรู้สึกว่าเราเข้าถึงได้มากไม่ใช่หัวหน้าที่เก่งที่สุดไม่เคยมีข้อผิดพลาด แต่เป็นหัวหน้าที่แชร์ บ่น เล่าเรื่องการตัดสินใจที่ผิดพลาดให้เราฟัง โชว์ vulnerability เพื่อที่ลูกน้องก็จะสามารถเปิดใจแล้วก็เล่าปัญหาในการทำงานให้ฟัง หลายครั้งที่เจอลูกน้องไม่กล้าเล่าปัญหาให้หัวหน้าฟัง เก็บไว้จนพอมารู้อีกทีกลายเป็นปัญหาใหญ่มากแก้ยากแล้ว เพราะความกลัว ไม่มีความ trust คือ ไม่มี psychological safety ในที่ทำงาน

.

ถ้าการที่เราเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จเป็น shortcut ให้เราปรับใช้ในการทำงาน การเรียนรู้จากความล้มเหลวก็เป็นวัคซีนช่วยให้เราไม่ต้องพลาดค่ะ

Writer's picture: CoachTai MusicparentCoachTai Musicparent



พ่อแม่เป็น role model ของลูกค่ะ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นได้ทั้ง role model ที่ลูกอยากจะทำตามหรือไม่อยากทำตามค่ะ ลองย้อนนึกกลับไปถึงพ่อแม่ของเรานะคะ ท่านเป็น role model ให้กับเราเรื่องอะไรคะ

.

ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ตอนลูกเราเล็ก ๆ ยิ่งตอนก่อนจะเข้าโรงเรียน ก่อนที่จะเข้าสังคมไปพบคนอื่น ๆ เราเป็นโลกทั้งใบของลูก ลูกสังเกต เลียนแบบเรา ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ เราจะอยากให้ลูกทำตามหรือไม่

.

ต่ายอยากเล่าเรื่องการเป็น role model ของต่ายในการเรียนดนตรีของลูกให้ฟังค่ะ ตั้งแต่ก่อนจะมีลูกก็คิดไว้แล้วค่ะว่าอยากให้ลูกเรียนดนตรี อยากให้ลูกมีดนตรีเป็นเพื่อนในชีวิต ต่ายเตรียมบรรยากาศในบ้านเพื่อรอให้ลูกพร้อมและบอกว่าอยากเล่นเครื่องดนตรีอะไรค่ะ

.

ต่ายเปิดเพลง ร้องเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง ลูกออกมาก็ร้องเพลงกล่อม บ้านเรามีห้องดนตรีที่มีเครื่องหลากหลายชนิด จนลูกอายุประมาณ 5 ขวบ ลูกมาบอกว่าอยากเล่นไวโอลินตามตัวการ์ตูนที่เค้าชอบ

.

ต่ายไม่เคยเล่นไวโอลิน แต่ก็พร้อมจะเรียนไปพร้อมกับลูกค่ะ เราหัดไวโอลินไปพร้อม ๆ กัน แล้วต่ายก็ช่วยลูกซ้อมไวโอลินมาตลอด เราซ้อมดนตรีกันทุกวัน ช่วงเวลาที่ซ้อมดนตรีคือช่วงเวลา me time แบบ one on one ของแม่กับลูกแต่ละคน หลายครั้งที่ลูกมีเรื่องมาเล่าให้แม่ฟังเยอะเลย เวลาคุยกันเลยยาวกว่าเวลาที่ใช้ซ้อมดนตรี

.

จนกระทั่งเราตัดสินใจว่าลูกจะแข่งไวโอลิน เพื่อให้ลูกรู้ว่าแม่เข้าใจความรู้สึกลูกและเพื่อ role model การซ้อมสำหรับการแข่งให้ลูก ต่ายก็ลงแข่งไวโอลินไปพร้อมกับลูกด้วย ไม่ต้องพูดถึงฝีมือต่ายนะคะ เรียนมาพร้อมลูกค่ะ แต่อยากโชว์ให้เค้าเห็นว่าถ้าจะแข่งมันต้องซ้อมขนาดไหน มันไม่เหมือนซ้อมเพื่อเรียนแน่ ๆ แล้วเราก็ไปแข่งเวทีเดียวกัน แค่คนละรุ่นนะคะ

.

ผลการแข่งขันไม่ใช่ประเด็นสำคัญค่ะ เพราะสิ่งที่สำคัญคือ วินัยในการซ้อม ความอดทน ตลอดระยะเวลาที่ซ้อม และแม่ก็ทำไปพร้อม ๆ กัน เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วค่ะ

.

ปีนี้ลูกจะสอบไวโอลินค่ะ แม่ก็พร้อมจะ role model ค่ะ รอบนี้แม่ก็จะสอบเปียโนไปพร้อม ๆ กับลูก สอบสถาบันเดียวกัน ลูกก็เห็นแม่ซ้อม ลูกถามว่ามันต้องซ้อมเยอะขนาดนี้เลยเหรอ จะซ้อมเยอะหรือน้อยทุกอย่างเราเลือกได้ค่ะ อย่างน้อยลูกก็ได้เห็นว่าแม่ซ้อมขนาดไหน

.

ถ้าเลือกได้ต่ายก็อยากเป็น role model ในเรื่องไหน อย่างเรื่องดนตรี จะว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว หรือมีแม่ที่สามารถช่วยเหลือวิชานี้ได้ คะแนนสอบเทอมที่ผ่านมาที่โรงเรียน สำหรับลูกทั้งสองคน วิชาที่เค้าได้คะแนนสูงสุดคือ ดนตรี ทั้งคู่ค่ะ สมเป็นลูกแม่มากค่ะ

Writer's picture: CoachTai MusicparentCoachTai Musicparent



การตั้งเป้าหมายประจำปี เป็นสิ่งที่ทุกบริษัททำกันช่วงปลายปีเพื่อ set direction สำหรับปีต่อ ๆ ไป

.

สำหรับระดับบุคคลก็มีการตั้งเป้าหมายส่วนบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร

.

และหลาย ๆ คนก็จะมี personal goal เช่น new year resolution ว่าปีนี้อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร

.

ปีนี้ต่ายเองก็มีการเขียน future vision ค่ะ คือการเขียนบรรยายภาพแต่ละด้านตาม wheel of life ว่าเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 แต่ละด้านจะเป็นอย่างไร โดยใช้รูปประโยคแบบที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น ด้านครอบครัว ต่ายเขียนว่าได้พาลูก ๆ ไปเล่นหิมะที่ Hokkaido ช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา

.

การที่เราเขียนและได้ประกาศให้เพื่อนเราฟัง ยิ่ง future vision ชัดเจนแค่ไหน ด้วยกฎแรงดึงดูดจะช่วยให้มีโอกาสที่มันจะเกิดจริงมากขึ้นเท่านั้น

.

เมื่อเขียน future vision อย่างชัดเจอแล้ว ต่ายก็ทำ future board คือ หาภาพที่มันจะ represent vision แต่ละด้านมารวมกันไว้ในกระดาษแผ่นเดียวกันแล้วแปะไว้ในที่ที่เราจะได้เห็นบ่อย ของต่ายเองแปะไว้ตรงโต๊ะทำงานที่นั่งทำงานแล้วมองเห็นทุกวันค่ะ เพื่อ remind & inspire ค่ะ

.

นอกจากนั้นแต่จะเขียน KPI ของ vision แต่ละด้านให้ชัดเจน เพื่อให้ต่ายรู้ว่าเป้าหมายคืออะไร ต่ายจะคอย track ว่าอยู่ตรงไหนของเป้าหมายแล้ว ใกล้จะถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง

.

ต่ายเชื่อเรื่องการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นเป้าหมายที่ทรงพลังและ inspire ซึ่งช่วยให้ต่าย focus และบรรลุเป้าหมายได้

.

ยกตัวอย่าง 2 เหตุการณ์ที่ต่ายบรรลุเป้าหมายด้วยการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและด้วยความมุ่งมั่นของต่าย

.

ตอนต่ายเข้าทำงานครั้งแรก หลังจากเรียนจบ ต่ายตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าตอนอายุ 30 อยากได้เงินเดือน xx บาท เป็นเป้าหมายที่ทั้งท้าทายและ inspire สำหรับต่าย along the way เงินเดือนต่ายก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ on track ค่ะ ตอนอายุ 28 จากการทำงานบริษัทฝรั่งต่ายย้ายไปทำงาน NGO เป็นงานที่ fulfill มากแต่เงินเดือนลดค่ะ

.

ตอนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้เงินเดือนตามเป้าตอนอายุ 30 แล้วค่ะ ทำงานนี้ได้ 1 ปี ต่ายก็ได้รับการติดต่อจาก head hunter ให้กลับไปทำงาน global company อีกครั้ง โดยให้เงินเดือนต่าย double ทำให้ต่ายได้เงินเดือนตามเป้าตอนอายุ 30 ค่ะ

.

อีกตัวอย่างคือตอนที่เรียนโค้ชแล้วจะสอบ credential ให้ได้ ACC (Associate Certified Coach) จาก ICF (International Coaching Federation) ซึ่งส่วนหนึ่งของการได้รับ credential นี้คือการเก็บชั่วโมงการโค้ชให้ครบ 100 ชั่วโมง ซึ่งต่ายได้ตั้งใจไว้ว่าจะสอบให้ได้โดยใช้เวลาให้น้อยที่สุด สำหรับต่ายคือ 8 เดือน ต่ายจึงมุ่งมั่นตั้งใจเก็บชั่วโมงและสอบให้ผ่านได้ภายใน 8 เดือนค่ะ

.

การตั้งเป้าหมาย เราชวนลูก ๆ มาตั้งเป้าหมายกันก็ได้นะคะ ต่ายจะชวนลูกมาทำ vision board สำหรับปีนี้กัน ลูกควักกระดาษออกมาแผ่นนึงแล้วบอกว่าแม่หนูมีเป้าหมายของปีนี้แล้ว (ลูกอายุ 9 ขวบ) แม่อ่านดูแล้วอึ้งไป ถามลูกว่าใครสอนให้เค้าทำ เค้าบอกเค้าเห็นเพื่อนมีสิ่งที่เค้าเขียนลงไป เค้าอยากมีบ้างเค้าเลยเขียนไว้เป็นเป้าหมายของปีนี้ ปีนี้ลูกเขียนเป้าก่อนแม่ค่ะ

.

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การตั้งเป้าหมายคือการ follow up ค่ะ เราควรตั้งว่าเราจะทบทวนความก้าวหน้าของแผนของเราสม่ำเสมอ เช่น ทุกเดือน เพื่อให้รู้ว่าเราทำได้ถึงไหนแล้ว ต้องมีการปรับแผนหรือไม่ หากไม่มีการทบทวนเลย จะมีโอกาสสูงที่เราจะไม่บรรลุเป้าหมายค่ะ

.

ปีนี้คุณพ่อคุณแม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรให้ตัวเองคะ

bottom of page